จุดสำคัญของการสอบเทียบเครื่องมือวัด (calibration)

ผลจากการสอบเทียบ(calibration)เมื่อนำมาวิเคราะห์ จะทำให้สามารถกำหนดได้ว่าอุปกรณ์วัดควรจะใช้ต่อไปหรือจำเป็นต้องปรับแต่งผลจากการสอบเทียบ ทำให้ มั่นอกมั่นใจได้ว่าเครื่องวัดที่ใช้ในการพิจารณายังคงดำเนินกิจการได้อย่างแม่นยำพร้อมกับวางใจได้ ผลลัพธ์การสอบเทียบหลายๆ ครั้ง ยังแสดงให้เห็นคุณสมบัติทางด้านความแน่วแน่ ( Stability ) ของวัสดุวัด

ขณะใดที่ต้องสอบเทียบ

มักมีคำถามเกิดขึ้นเสมอว่าเครื่องมือวัดใดที่ต้องดำเนินกิจการสอบเทียบ พร้อมกับจะสอบเทียบบ่อยเพียงใดพอจะกล่าวโดยรวมได้ว่า การสอบเทียบวัสดุวัดจะต้องทำเวลาใดก็ตามที่ข้อสรุปการวัดของเครื่องมือวัดนั้นกระทบกระเทือนต่อคุณลักษณะของข่าวสารดังนั้น เครื่องมือวัดใดที่ไม่มีผลกระทบกระเทือนต่อคุณลักษณะของข่าวคราวก็ไม่จำเป็นต้องสอบเทียบ การระบุว่าเครื่องมือวัดใดต้องสอบเทียบบ้างเป็นได้ใช้ข้อสมมติฐานดังนี้ ให้ตั้งคำถามว่าหากเครื่องมือวัดที่ใช้ในการตรวจหาอ่านค่าผิดไปจากระเบียบที่กำหนดไว้ จะได้รับผลกระทบกระเทือนที่เสียหายต่อคุณลักษณะของข้อมูลหรือไม่ หากพบว่าการตรวจหาขึ้นอยู่กับค่าการอ่านของอุปกรณ์วัดเป็นสำคัญก็แสดงว่าเครื่องตรวจวัดนั้น ต้องดำเนินการสอบเทียบพร้อมกับอีกกรณีหนึ่งก็คือ เมื่อใดที่พนักงานมีเหตุที่จำเป็นต้องแน่นอนในค่าของเครื่องมือวัดก็ต้องสอบเทียบตัวอย่างเช่น เรื่องของความสะดวก

กิจกรรมสอบเทียบเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ค่าใช้จ่าย แต่การสอบเทียบก็มีเหตุจำเป็นเพราะหากคิดให้ดีจะเห็นว่าค่าความเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นกับข่าวสาร เมื่อใช้เครื่องมือวัดที่ไม่เป็นมาตรฐานค่าใช้จ่ายในการตรวจตรา ซ้ำ อาจสูงกว่าค่าใช้จ่ายในการสอบเทียบเครื่องมือวัด การสอบเทียบที่ทำเหลือเหตุจำเป็นก็อาจก่อให้เกิดการสิ้นไป งบของที่ประกอบการเกินเหตุจำเป็นเช่นเดียวกัน

 

ชุดประจำการประเทศของชาวญี่ปุ่น(ชุดกิโมโน)

ก่อนจะกล่าวขวัญชุดประจำชาติของชาวญี่ปุ่นที่รู้จักมักจี่กันดีคงหนีไม่พ้นชุดกิโมโนที่รู้จักมักจี่กันดีไปทั่วโลก เพราะว่าชุดประจำชาติอย่างกิโมโนหรือชุดญี่ปุ่น (WAFUKU)เป็นชุดที่เน้นย้ำการตัดอาภรณ์แบบเส้นตรงจากผ้ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าจึงสามารถใส่ได้กับทุกเพศทุกวัย เป็นชุดประจำชาติที่มีความเด่น อย่างมากตรงที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนความแตกต่างของชุดกิโมโนที่ใส่ตามฤดูกาลนั้นจะอยู่ที่การเลือกใช้เนื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพอากาศ ส่งผลให้ชุดกิโมโนศักยใส่ได้เป็นนิสัยนั่นเอง

โดยชุดกิโมโนในถ้อยคำญี่ปุ่นนี้แปลว่า”เครื่องแต่งตัว, อาภรณ์, เครื่องอาภรณ์” ที่มีวิวัฒนาการพร้อมกันมากับประวัติของประเทศญี่ปุ่น และได้รับสมัยนิยมสะพัดกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงประจุบัน ซึ่งจากความชื่นชมนี้ทำให้ไม่ใช่แค่เพียงผู้สูงวัยเฉพาะที่แบบใส่ชุดกิโมโน แม้แต่วัยรุ่น หรือวัยทำงานก็ยังการตั้งกฎเกณฑ์ใส่ชุดนี้ในชีวิตประจำวันเช่นกัน อีกหนึ่งความน่าดึงดูดใจของชุดกิโมโน คือ สามารถใช้เป็นมรดกตกทอดแก่ลูกหลาน เนื่องจากชุดกิโมโนเป็นชุดที่มีราคาสูง มีให้เลือกสรรสวมทั้งแบบผ้าโดยปกติ ไปจนกระทั่งชุดที่ทำจากผ้าไหมชั้นหนึ่ง

แม้นกิโมโน จะมีชุดที่คล้ายกันอย่างชุดยูคาตะ แต่ก็มีความต่างทางด้านการใช้งานกันอยู่พอเหมาะพอดี เช่นชุดกิโมโนมักจะใส่ในระเบียบแบบแผนที่ยิ่งใหญ่ หรือเป็นทางการมากกว่า และมักทำด้วยผ้าไหม หรือผ้าที่จิตรที่ปราณีตมากกว่าชุดยูกาตะที่มักทำมาจากผ้าฝ้าย มีผ้าคาดเอวหรือโอบิที่ใหญ่กว่า มีจำนวนชิ้นยิ่งกว่า และมีราคาที่แพงกว่าชุดยูกาตะเช่นกัน

หากจะให้เปรียบกับกันจะพบว่าชุดยูกาตะนั้น จะเปรียบชุดที่ใส่แบบลำลองและมักมีไว้ให้บริการเช่าตามแหล่งประพาสต่าง ๆ เพราะมีชั้นผ้ากลบเกลื่อนแค่เพียงชั้นเดี่ยวทำให้ใส่สบายต่างกับชุดกิโมโนที่จะต้องมีอย่างน้อย 2 ชั้นขึ้นไป และชุดกิโมโนมักใส่กับรองเท้าแบบโซริหรือกีตะนั่นเอง

มารู้จักการฉีดฟิลเลอร์เพื่อการเติมเต็ม

เป็นที่ทราบกันดีกว่าฟิลเลอร์ (Filler)  เป็นสารเติมเต็มจากตามธรรมชาติที่ช่วยในเรื่องของการเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกของชั้นผิวหนังให้กลับมามีความกระชับ เต่งตึง ไร้ริ้วรอย นอกจากนี้ยังสามารถช่วยในเรื่องการปรับ แต่ง แก้ไขรูปหน้าด้วยการเติมความอวบอิ่มทั้งบนใบหน้า ร่องแก้ม หรือริมฝีปาก ลำคอ หลังมือ หรือผิวบริเวณหน้าอกให้กลับมาดูกระชับเปล่งปลั่งได้อีกครั้งหนึ่ง

นอกจากนี้ การฉีดฟิลเลอร์ (Filler) ยังสามารถช่วยในการแก้ปัญหาด้านการเกิดริ้วรอยร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพเนื่องจากมีโครงสร้างของสารที่คล้ายกับสารตามธรรมชาติในผิวหนังของคนเราเช่นใยคอลลาเจนใต้ผิวหนังที่เมื่ออายุมากขึ้น ก็จะเสื่อมสภาพไปจนทำให้ผิวหนังที่เคยเอิบอิ่ม ไม่กระชับ จนเกิดการบางลง หย่อนคล้อย หรือเป็นร่องลึก

โดยการเติมสารเติมเต็มหรือการฉีดฟิลเลอร์ที่มีส่วนประกอบของไฮยาลูรอนิคเข้าไปในชั้นผิวหนังก็จะช่วยให้ผิวพรรณดูดีขึ้น ริ้วรอยร่องลึกก็จะดูตื้นขึ้น และยังช่วยเติมเต็มคอลลาเจนที่หายไปทำให้ผิวดีกว่าเดิม ซึ่งสารเติมเต็มในรูปแบบของฟิลเลอร์นี้ สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ได้แก่

  • สารเติมเต็มแบบชั่วคราว (Temporary Filler) เป็นสารฟิลเลอร์ที่มีอายุในการใช้งานหลังการฉีดเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกประมาณ 4 -6 เดือน และถือว่าเป็นการฉีดฟิลเลอร์ที่มีความปลอดภัยที่สูงและย่อยสลายตัวเองได้ตามธรรมชาติซึ่งถือว่าดีกว่าสารประเภทอื่นอย่างมาก
  • สารฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi-Permanent Filler) เป็นสารฟิลเลอร์ที่มีอายุในการใช้งานนานประมาณ 2 ปี มีความปลอดภัยปานกลาง เป็นสารสังเคราะห์เรียกว่า Hyalulonic acid (HA)
  • สารฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent Filler) เป็นสารเติมเต็มประเภทของจำพวก ซิลิโคน หรือ พาราฟิน ที่จะอยู่ในผิวหนังแบบถาวรตามธรรมชาติได้และอาจส่งผลข้างเคียงในระยะยาวไม่ว่าจะเป็นทางด้านการไม่ย่อยสลายหรือเสื่อมสภาพ รวมถึงการเกิดพังผืดในร่างกาย สารจับตัวเป็นก้อน หรือย้อยจากรูปทรงเดิมที่เคยฉีดไว้เมื่อเจอความร้อน ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.theklinique.com/services/show/201

สว่าน Bosch ชนิดสว่านไฟฟ้า

สว่านไฟฟ้า เป็นสว่านที่ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับงานเจาะแบบทั่วไป ถือเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือทุ่นแรงที่จะช่วยให้งานเจาะบนพื้นผิวต่าง  ๆ กลายเป็นเรื่องที่สะดวกง่ายดายต่อการใช้งานมากขึ้น และสำหรับผู้ที่กำลังมองหาสว่านไฟฟ้าที่มีทั้งความคุ้มค่าทางด้านราคา มีตัวเครื่องที่ได้มาตรฐานคุณภาพ มีความคงทนในการใช้งานสูง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน สว่านไฟฟ้าของ Bosch ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์ในทุกความต้องการใช้งานได้เป็นอย่างดี ด้วยคุณสมบัติของตัวเครื่องที่มีความน่าสนใจ ดังต่อไปนี้

ข้อมูลทั่วไป

สว่านไฟฟ้า หรือสว่านไฟฟ้าแบบเจาะกระแทกของ Bosch มีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 6 – 13 มม. คุณสมบัติพิเศษที่ตอบโจทย์ในเรื่องการทำงานที่รวดเร็วและแม่นยำด้วย

  • ขนาดสว่านที่เล็ก ความยาวของเครื่องมือสั้น ส่งผลให้ใช้งานได้สะดวกต่อเนื่อง
  • มือจับถูกออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ ส่งผลให้มีน้ำหนักเบา ช่วยลดความเมื่อยล้าระหว่างการทำงานได้เป็นอย่างดี
  • มีความทนทาน ได้คุณภาพตามมาตราฐานการผลิตและตรวจสอบคุณภาพของบ๊อซ
  • ราคาจับต้องได้ ไม่แพงจนเกินไป

เหมาะสำหรับ

  • งานเจาะประเภทโลหะ งานไม้ หรืองานพลาสติก แต่ไม่เหมาะสำหรับการเจาะพื้นผนังที่มีความแข็งแรงด้านเนื้อวัสดุอย่างเช่นผนังปูน หินแกรนิต หรือหินอ่อน เพราะอาจทำให้หัวสว่าน และตัวเครื่องเกิดความเสียหายได้

คุณสมบัติในการใช้งาน

  • ความเร็วรอบขณะเดินเครื่องเปล่า 4200 รอบ/นาที
  • น้ำหนักไม่รวมสายไฟ 1 กก. ทำให้สะดวกต่อการใช้งานและการเคลื่อนย้าย
  • ขนาดของหัวจับดอก 6.5 มม.
  • ระยะการเจาะเส้นผ่าศูนย์กลางของการเจาะไม้ 13 มม. เส้นผ่าศูนย์กลางของการเจาะและเหล็กกล้า65 มม.

เทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ตื่นตาไปกับฝูงแกะอพยพนับพันตัว

แกะรัฐไอดาโฮ

 

ตามธรรมชาติของสัตว์นั้นเราจะเห็นได้ว่ามีสัตว์หลายชนิดต้องอพยพหาที่อยู่ใหม่เมื่อเปลี่ยนฤดูกาลเพื่อความอยู่รอดของมัน ซึ่งจากการบินอพยพของนกที่เราคุ้นเคยกันแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีการอพยพของฝูงแกะด้วยเช่นกัน เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาวฝูงแกะที่ถูกเลี้ยงไว้ที่ปศุสัตว์ในรัฐไอดาโฮจะถูกต้อนให้ไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีทางตอนเหนือของรัฐ ผ่านเส้นทางหลายร้อยกิโลเมตรที่เป็นทั้งที่ราบ ภูเขา และแม่น้ำ และเมื่อมีการอพยพแกะในทุกปีจึงทำให้เกิด Sheep Festival หรือเทศกาลแกะในที่สุด และแน่นอนว่าเทศกาลดังกล่าวนั้นโด่งดังจนทำให้เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไอดาโฮ

สำหรับการต้อนฝูงแกะกว่า 1,500 ตัวให้ไปยังจุดหมายที่วางไว้นั้นก็ต้องใช้เวลาหลายวันด้วยกัน ระหว่างนี้จึงมีทั้งขบวนพาเหรด , การแสดงดนตรี , การเต้นรำ และการทำอาหารตามจุดต่าง ๆ โดยจุดซึ่งเป็นที่นิยมได้แก่ Bellevue , Hailey และ Ketchum เพราะเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยถนนหนทาง บ้านเรือน และประชากรมากมาย และแน่นอนว่าพวกเขาต่างยินดีที่ได้เห็นฝูงแกะจำนวนมากวิ่งผ่านหน้าบ้าน เพราะมันเป็นสัญญาณแห่งเทศกาลรื่นเริงนั่นเอง

เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวการเดินทางของฝูงแกะยังคงมีต่อไป โดยพวกมันจะถูกต้อนให้ไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์กว่า และจะได้กลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้งเมื่อถึงฤดูร้อน ทั้งนี้การอพยพฝูงแกะในไอดาโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 1860 ซึ่งขณะนั้นมีจำนวนแกะเพียง 14,000 ภายในรัฐ ก่อนที่ต่อมาจำนวนแกะจะมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันซึ่งคาดว่ามีจำนวนแกะกว่า 2.65 ล้านตัว ภายในรัฐ และมันก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางจำนวนประชากรแกะที่เยอะที่สุดเป็นอันดับสองรองจากซิดนีย์ในออสเตรเลียเท่านั้น

เที่ยวน้ำตกเอราวัณที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ

arawan

น้ำตกเอราวัณ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัดกาญจนบุรี แต่ละวันมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวเป็นจำนวนมากทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ น้ำตกมีความสวยงามอยู่ท่ามกลางป่าธรรมชาติ เดินไปยังน้ำตกไม่ไกล ไม่ลำบาก น้ำใส และมีแอ่งน้ำเหมาะกับการเล่นน้ำท่ามกลางแมกไม้ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายสำหรับนักท่องเที่ยว สามารถโดยสารรถประจำทางไปได้ และอยู่ไม่ไกลจากตัวจังหวัดเมือง กาญจน์มากนัก

น้ำตกเอราวัณ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อำเภอศรีสวัสดิ์ อยู่ในแนวลำน้ำแควใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 600 ตารางกิโลเมตร อยู่บนทางหลวงหมายเลข 3199 ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับทางไปเขื่อนศรีนครินทร์

น้ำตกเอราวัณ เดิมชื่อ “น้ำตกสะด่องม่องลาย” ที่ได้มาจากต้นน้ำ ชื่อลำธารม่องไล่ และห้วยอมตะลา น้ำตกเอราวัณเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สายน้ำไหลลงมาจากยอดเขาสูง ผ่านโขดหินผา และป่าที่ปกคลุมด้วยแมกไม้นานาชนิด มารวมกันเป็นแอ่งน้ำเป็นช่วงๆ ทำให้เกิดเป็นชั้นของนำ้ตก ที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป น้ำตกมีด้วยกันทั้งหมด 7 ชั้น มีชื่อเรียกแต่ละชั้นคล้องจองกัน จากชั้นแรกถึงชั้นที่เจ็ดคือ “ไหลคืนรัง วังมัจฉา ผาน้ำตก อกนางผีเสื้อ เบื่อไม่ลง ดงพฤกษา ภูผาเอราวัณ” น้ำตกแต่ละชั้นมีระยะทางแตกต่างกันตั้งแต่ ชั้นต้นๆ เดินไปแค่ไม่กี่ร้อยเมตร จนถึงชั้นบนสุด 1,520 เมตร ซึ่งต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมงในการเดินผ่านป่าขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุด เป็นหน้าผาทะลุเปิดโล่ง บางช่วงค่อนข้างลำบาก ชัน และลื่นบ้าง ชั้นบนสุดหลายคนบอกว่ารูปร่างผามองดูแล้วคล้ายกับหัวช้างสามเศียรเอราวัณ จนเป็นที่มาของชื่อน้ำตกเอราวัณนั่นเอง

น้ำตกเอราวัณมีลักษณะสวยงามเป็นพิเศษ ตรงที่สีของน้ำเป็นสีฟ้าใส เหมือนสระว่ายน้ำ เนื่องจากเป็นน้ำที่ผ่านมาจากเขาหินปูน ที่มีแคลเซียมคาร์บอเนตสูง มีคุณสมบัติทำให้สารแขวนลอยตกตะกอน ถ้าสังเกตบริเวณที่ไม่มีคนเล่นน้ำจะเห็นน้ำใสมาก น้ำตกในชั้นต้นๆ เป็นแหล่งน้ำของปลาน้ำตกชนิดหนึ่งเรียกว่า “ปลาพลวง” ที่มีให้เห็นเป็นจำนวนมาก น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่คนชอบเดินลุยป่าไม่ควรพลาด เพราะ สามารถเดินเลือกเล่นน้ำในแต่ละชั้นที่ต้องการได้ สายน้ำเย็นฉ่ำที่ผ่านโขดหินทำให้น้ำตกมีลักษณะโดดเด่น สวยงามแตกต่างกันในแต่ละชั้น นอกจากนักท่องเที่ยวจะได้เล่นในแอ่งน้ำใส ยังสามารถเดินขึ้นไปจนถึงชั้นบนสุดได้ด้วย น้ำตกเอราวัณมีน้ำตลอดปี ช่วงหน้าแล้ง ประมาณเดือนธันวาคม – เมษายน อาจมีน้ำน้อยบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับแห้ง

บริเวณที่ทำการอุทยานฯ​ มีการจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ สวยงาม น้ำตกในชั้นต้นๆ อยู่ไม่ไกลกันมากนัก เมื่อต้องการไปยังตัวน้ำตกชั้นแรก ต้องเดินไปอีก 500 เมตร

ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง น้ำตกยังไม่ค่อยสวยมาก เหมาะสำหรับนั่งปิกนิก มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งเล่น รับประทานอาหาร ริมน้ำตก

ชั้นที่ 2 วังมัจฉา มีปลาพลวงเวียนว่ายในน้ำใสอยู่เป็นจำนวนมาก แอ่งน้ำสีฟ้า มีม่านน้ำตก ไหลผ่านหินย้อย เหมือนกับน้ำไหลผ่านปากถ้ำ ลงมายังแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เหมาะกับการลงเล่นน้ำ บางช่วงอาจลึก นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชูชีพลงเล่นได้

น้ำตกชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ก่อนขึ้นไปยังน้ำตกนี้ จะมีจุดตรวจอาหาร ห้ามนำอาหาร เครื่องดื่ม และขวดน้ำ ขึ้นไปจากชั้นนี้เด็ดขาด ต้องฝากเจ้าหน้าที่เอาไว้

ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ทางอุทยานทำทางเดินบันไดไว้อย่างเรียบร้อย แต่เส้นทางค่อนข้างสูงชันอยู่เหมือนกัน ระหว่างทางไปน้ำตกชั้นที่ 4 มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติป่าดิบแล้งม่องไล่ ระยะทาง 1,010 เมตร สามารถเดินแยกไปตามเส้นทางนั้นได้ ชั้นนี้ดูดีๆ จะเห็นหิน 2 ก้อนที่มีลักษณะเหมือนหน้าอกผู้หญิง แต่มีลักษณะใหญ่กว่ามนุษย์ทั่วไป เลยได้ชื่อเป็นอกนางผีเสื้อ (สมุทร) ซะเลย ชั้นนี้มีน้ำไหลตามหินลงมายังแอ่งด้านล่าง สามารถเล่นน้ำได้

จากนี้เส้นทางจะค่อนข้างลำบากขึ้น และเป็นทางชันขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงชั้นบนสุด น้ำตก

ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง เป็นน้ำตกที่ลดหลั่นลงมาแบบเตี้ยๆ เป็นแอ่งตื้นๆ เหมาะกับการแช่น้ำเล่น

ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา อยู่ห่างจากชั้น 5 แค่ 300 เมตร มีน้ำตกอยู่หลายมุม ตามแมกไม้ต่างๆ

ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ การเดินทางไปถึง ต้องเดินผ่านหิน ปีนบันไดไปอีก เป็นทางที่เหนื่อยอยู่เหมือนกัน แต่ก็คุ้มกับการมาดู เพราะเป็นชั้นที่สูงที่สุดและสวยที่สุด มีสายน้ำที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง ผ่านแมกไม้ และแนวหิน มาสู่แอ่งน้ำด้านล่าง

มหัศจรรย์แห่งธรรมชาติ “น้ำตกโซโซนิ” แห่งรัฐไอดาโฮ

หากคุณเป็นอีกคนที่มีโอกาสไปเยือน “รัฐไอดาโฮ” (Idaho) รัฐที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ “สหรัฐอเมริกา” (United States of America) ขอแนะนำว่าคุณต้องไม่พลาดโอกาสไปเยือน “เมืองทวินฟอลส์” (Twin Falls) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตภูมิภาคเมจิก วัลเล่ย์ (Magic Valley Region) อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับภูมิภาคที่สำคัยมากแห่งหนึ่งของรัฐอีกด้วย

 

นอกจากนี้แล้ว เมืองทวินฟอลส์ยังเป็นเมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามจำนวนหลายแห่ง โดยแห่งแรกที่คุณต้องไม่พลาดไปเยือน คือ สเน็ค ริเวอร์ แคนยอน (Snake River Canyon) เป็นแคนยอนขนาดใหญ่ที่เกิดจากแม่น้ำสเน็ค (Snake River) ในเมจิก วัลเล่ย์ ซึ่งมีสะพานเพอริน (Perrine Bridge) พาดผ่านแคนยอนและอยู่เหนือแม่น้ำสเน็คประมาณ 1,500 ฟุต (457 เมตร) โดยสะพานมีความยาวประมาณ 486 (148 เมตร)

 

หลังจากนั้นขอแนะนำให้คุณไปเยือน “อุทยานน้ำตกโชโชนิ” (Shoshone Falls Park) อุทยานน้ำตกที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมากในปัจจุบัน น้ำตกที่ตั้งอยู่บนแม่น้ำสเน็ค แม่น้ำสายสำคัญของภูมิภาคเมจิก วัลเล่ย์ โดยอยู่ห่างจากเมืองทวินฟอลส์ไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 5 กิโลเมตร

38_201208140922231.

 

น้ำตกโชโชนิ (Shoshone Falls) ในบางครั้งน้ำตกแห่งนี้มักถูกเรียกว่า “น้ำตกไนแองการ่าตะวันตก” (Niagara of the West) โดยน้ำตกมีความสูงประมาณ 212 ฟุต (64.7 เมตร) ซึ่งสูงกว่าน้ำตกไนแองการ่า 45 ฟุต (14 เมตร) มีความกว้างประมาณ 1,000 ฟุต (305 เมตร) น้ำตกจะมีความสวยงามากที่สุดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

เทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ตื่นตาไปกับฝูงแกะอพยพนับพันตัว

เทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ตื่นตาไปกับฝูงแกะอพยพนับพันตัว พร้อมกิจกรรมมากมายสร้างสีสันในให้นักท่องเที่ยว

ตามธรรมชาติของสัตว์นั้น เราจะเห็นได้ว่ามีสัตว์หลายชนิดต้องอพยพหาที่อยู่ใหม่เมื่อเปลี่ยนฤดูกาลเพื่อความอยู่รอดของมัน ซึ่งจากการบินอพยพของนกที่เราคุ้นเคยกันแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีการอพยพของฝูงแกะด้วยเช่นกัน

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ฝูงแกะที่ถูกเลี้ยงไว้ที่ปศุสัตว์ในรัฐไอดาโฮจะถูกต้อนให้ไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีทางตอนเหนือของรัฐ ผ่านเส้นทางหลายร้อยกิโลเมตรที่เป็นทั้งที่ราบ ภูเขา และแม่น้ำ และเมื่อมีการอพยพแกะในทุกปีจึงทำให้เกิด Sheep Festival หรือเทศกาลแกะในที่สุด และแน่นอนว่าเทศกาลดังกล่าวนั้นโด่งดังจนทำให้มันเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไอดาโฮ

สำหรับการต้อนฝูงแกะกว่า 1,500 ตัวให้ไปยังจุดหมายที่วางไว้นั้นก็ต้องใช้เวลาหลายวันด้วยกัน ระหว่างนี้จึงมีทั้งขบวนพาเหรด, การแสดงดนตรี, การเต้นรำ และการทำอาหารตามจุดต่าง ๆ โดยจุดซึ่งเป็นที่นิยมได้แก่ Bellevue, Hailey และ Ketchum เพราะเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยถนนหนทาง บ้านเรือน และประชากรมากมาย และแน่นอนว่าพวกเขาต่างยินดีที่ได้เห็นฝูงแกะจำนวนมากวิ่งผ่านหน้าบ้าน เพราะมันเป็นสัญญาณแห่งเทศกาลรื่นเริงนั่นเอง

เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวการเดินทางของฝูงแกะยังคงมีต่อไป โดยพวกมันจะถูกต้อนให้ไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์กว่า และจะได้กลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้งเมื่อถึงฤดูร้อน

ทั้งนี้การอพยพฝูงแกะในไอดาโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 1860 ซึ่งขณะนั้นมีจำนวนแกะเพียง 14,000 ภายในรัฐ ก่อนที่ต่อมาจำนวนแกะจะมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันซึ่งคาดว่ามีจำนวนแกะกว่า 2.65 ล้านตัว ภายในรัฐ และมันก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางจำนวนประชากรแกะที่เยอะที่สุดเป็นอันดับสองรองจากซิดนีย์ในออสเตรเลียเท่านั้น

การหันมาให้ความสนใจด้านการท่องเที่ยวแบบหรูหรา

20140425_3_1398411335_525792ปัจจุบันการขยายตัวของกระแสความนิยมและขอบเขตของการท่องเที่ยวแบบหรูหรา ทำให้นักท่องเที่ยวที่นิยมการท่องเที่ยวแบบหรูหราในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่เพียงนักท่องเที่ยวผู้มีรายได้สูงหรือกลุ่มคนระดับบนในสังคม ซึ่งอาจจะพิจารณาได้จากอาชีพการงานหรือรายได้เฉลี่ยต่อปีอีกต่อไป โดยกลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นในระยะหลัง คือกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางที่ปรารถนาจะสัมผัสประสบการณ์ การท่องเที่ยวแบบหรูหราเพื่อเป็นรางวัลชีวิต นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แม้จะมีความถี่ในการท่องเที่ยวไม่มากเนื่องจากมักต้องใช้เวลารวบรวมค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่เมื่อพิจารณาถึงจำนวนของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ซึ่งมีอยู่มาก กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลางจึงเป็นกลุ่มเป้าหมายอีกกลุ่มหนึ่งที่มีศักยภาพสำหรับการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบหรูหรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการเข้าถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้อาจทำได้ง่ายกว่านักท่องเที่ยวระดับบนที่ต้องอาศัยเครือข่ายความใกล้ชิด และอาศัยเวลาในการสร้างความสนิทสนมและความไว้วางใจ

อาจกล่าวได้ว่าการท่องเที่ยวแบบหรูหราไม่ใช่สิ่งที่จะมีคำนิยามตายตัว หากแต่เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่ให้ความสำคัญกับพฤติกรรม ความชอบ และความต้องการของกลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวผู้มีรายได้สูงในสังคมเป็นหลัก เพื่อสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยวเหล่านี้เกิดการใช้จ่ายให้มากที่สุด ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวแบบหรูหราก็คือการเข้าใจกลุ่มนักท่องเที่ยวแบบหรูหราที่เป็นเป้าหมาย และตอบสนองความต้องการเหล่านั้นให้ได้ตามความคาดหวัง หรือเหนือกว่าความคาดหวังของนักท่องเที่ยวเหล่านั้น

การได้รับประสบการณ์แบบหรูหราคือหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวแบบหรูหราในอนาคต เพราะการท่องเที่ยวแบบหรูหราเป็นการท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นการให้ประสบการณ์ทางด้านอารมณ์ความรู้สึกแก่นักท่องเที่ยวเป็นหลัก อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่นิยมการท่องเที่ยวแบบหรูหรายังตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวเพื่อให้ได้มีโอกาสใช้ชีวิตแบบหรูหรามากกว่าที่จะต้องการเป็นเจ้าของหรือครอบครองความหรูหราเหล่านั้น เนื่องจากนักท่องเที่ยวแบบหรูหราต้องการสิ่งที่ดีที่สุด เยี่ยมที่สุดสำหรับตนเองเสมอ ดังนั้น สินค้าและบริการที่จะนำเสนอขายต่อนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จึงต้องเป็นสินค้าอันดับหนึ่ง เกรดเอ ซึ่งได้รับการยอมรับว่ามีความพิเศษและยอดเยี่ยมกว่าสินค้าและบริการอื่นๆ ซึ่งแน่นอนว่าการบริโภคสินค้าและบริการที่ยอดเยี่ยมเหล่านี้นอกจากจะทำให้นักท่องเที่ยวเกิดความพึงพอใจแล้ว ยังเป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของนักท่องเที่ยวเหล่านั้นเองอีกด้วย

เด็กรุ่นใหม่ที่ชอบการผจญภัยและประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบแปลกใหม่ในเมืองไอดาโฮ

41

มูลค่าการใช้จ่ายในธุรกิจท่องเที่ยวที่ไอดาโฮแต่ละปีสูงถึง 3 พันล้านเหรียญฯ ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่ใหญ่และสำคัญเป็นอันดับ 3 ของรัฐและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี ในปี 2008 มูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวในประเทศที่เดินทางมายังไอดาโฮสูงถึง 2.7 พันล้านเหรียญฯและเมื่อรวมมูลค่าการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างประเทศแล้วจึงมีมูลค่ามากกว่า 3 พันล้านเหรียญฯ มูลค่าจากการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในส่วนของร้านอาหารประมาณ 654 ล้านเหรียญฯ ร้านค้าปลีก 674 ล้านเหรียญฯ ที่พักอาศัย 502 ล้านเหรียญฯ การเดินทาง/ขนส่ง 440 ล้านเหรียญฯ นันทนาการและสันทนาการ 355 ล้านเหรียญฯ และรายได้ของรัฐส่วนหนึ่งมาจากการเก็บภาษีห้องพัก 2% ไม่ว่าจะเป็นที่พักแบบใดก็ตาม สถิติในปี 2008 มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าออกเกือบ 32 ล้านครั้ง โดยเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวเฉพาะช่วงกลางวันประมาณ 57% และพักค้างคืน 43% ซึ่งกลุ่มที่พักค้างคืนนั้นมาเพื่อการพักผ่อนประมาณ 84% ที่เหลือมาเพื่อธุรกิจ

เมืองที่มีคนเดินทางเข้าออกมากที่สุด Boise, Idaho Falls/Pocatello, Twin Falls โดยมากอายุ 25-64 ปี ส่วนมากเป็นผู้มีรายได้ต่ำถึงปานกลาง นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวมีทุกกลุ่มตั้งแต่เด็กถึงผู้สูงอายุ มีการเที่ยวแบบครอบครัว เด็กรุ่นใหม่ที่ชอบการผจญภัยและประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบแปลกใหม่ ลักษณะการท่องเที่ยวที่ไอดาโฮ เช่น การเล่นสกีและสโนว์บอร์ด ซึ่งมีอยู่ 17 แห่ง การเล่นเลื่อนและขับรถบนหิมะ การเล่นกอล์ฟร่วมกับการเดินป่า กิจกรรมร่วมกับกลุ่มรถมอร์เตอร์ไซต์รูปแบบต่างๆ เช่น RV และ Harley-Davidson การท่องเที่ยวพร้อมกับการเป็นอาสาสมัครชั่วคราว ในท้องถิ่น การท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับอาหารและเครื่องดื่ม เช่น เทศกาลแนะนำไวน์ การสร้างเครือข่ายกลุ่มเด็กเพื่อส่งเสริมกิจกรรมครอบครัว การเดินป่าตามแนวแม่น้ำและน้ำตก การจัดงานแต่งงาน ฉลองรับปริญญา กิจกรรมกลางแจ้งต่าง และเยี่ยมญาติ เป็นต้น

สินค้าพืชเกษตรหากแบ่งตามพื้นที่เพาะปลูกแล้ว สินค้ายอดนิยม 5 อันดับแรกได้แก่ มันฝรั่ง ข้าวสาลี ข้าวบาร์เล่ย์ หญ้าและผักสด ในปี 2010 มูลค่าสินค้าพืชเกษตรโดยรวมเท่ากับ 2.79 พันล้านเหรียญฯ สินค้าที่มีมูลค่ามากสุดคือมันฝรั่งผลิตได้ 6.4 ล้านตัน มูลค่า 823 ล้านเหรียญฯ ผลิตภัณฑ์จำพวกข้าวสาลี 672 ล้านเหรียญฯ หญ้าแห้งทุกชนิด 619 ล้านเหรียญฯ เฉพาะหญ้า Alfalfa 555 ล้านเหรียญฯ ข้าวบาร์เล่ย์ 185 ล้านเหรียญฯ ข้าวโพด 106 ล้านเหรียญฯ ถั่วต่างๆ 61 ล้านเหรียญฯ เป็นต้น ในปี 2007 มูลค่าการซื้อขายสินค้าปศุสัตว์สูงถึง 3.36 พันล้านเหรียญฯ มีวัวและลูกวัวประมาณ 2.2 ล้านตัว มากเป็นอันดับที่ 14 ของสหรัฐ มูลค่าการซื้อขายวัวและลูกวัว 1.38 พันล้านเหรียญฯ เป็นอันดับที่ 11 ของสหรัฐ การซื้อขายนมและผลิตภัณฑ์จากนม 1.84 พันล้านเหรียญฯ เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ แพะและแกะรวม 229,022 ตัว มีมูลค่าการซื้อขายรวม 27.37 ล้านเหรียญฯ เป็นอันดับที่ 8 ของสหรัฐ ผลิตภัณฑ์จากสุกร 6.75 ล้านเหรียญฯ สัตว์จำพวกม้าและลา 12.8 ล้านเหรียญฯ สัตว์อื่นๆและผลิตภัณฑ์ที่เหลือ 20.6 ล้านเหรียญฯ

ไปสัมผัสธรรมชาติสวยๆที่ “ อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน ”

หากคุณกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ในสหรัฐอเมริกา (United States of America) แต่มีเงื่อนไขเล็กๆ น้อยๆ ว่าสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนั้นต้องไม่ใช่เมืองใหญ่ ที่มีแต่ความวุ่นวายไปสัมผัสธรรมชาติสวยๆที่ “ อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน ” (Kings Canyon National Park) อุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงและน่ามาเยือนมากแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกานั่นเอง โดยอุทยานนั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ เฟรสโนเคาน์ตี้ กับ ทูลาเรเคาน์ตี้ ของรัฐแคลิฟอร์เนีย รัฐที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ติดมหาสมุทรแปซิฟิก

อุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน เป็น อุทยานแห่งชาติที่มีลักษณะภูมิประเทศที่สวยงาม ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเทือกเขา เซียร์ราเนวาดา (Sierra Nevada) โดยอุทยานมีพื้นที่ประมาณ 461,901 เอเคอร์ โดยจุดที่โดดเด่นมากที่สุดของอุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน นั้นคงหนีไม่พ้น “หุบเขาแม่น้ำกษัตริย์” หรือ “หุบเขาคิงส์ริเวอร์” (Valley of the Kings River) ปัจจุบัน คิงส์แคนยอน ได้กลายเป็นหนึ่งในหุบเขาที่ลึกที่สุดในสหรัฐอเมริกา คือมีความลึก ประมาณ 8,200 ฟุต (2,500 เมตร)

สำหรับกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาเยือนอุทยานแห่งชาติ คิงส์แคนยอน นั้นส่วนใหญ่จะเน้นไปที่กิจกรรมการเดินป่าชมธรรมชาติ ซึ่งมีทั้งระยะสั้นและระยะไกล กิจกรรมขี่ม้าที่ได้รับความนิยมมากในช่วงฤดูร้อน ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์อันงดงามของหนึ่งในสถาน ที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ก่อนจะปิดท้ายด้วยการตั้งแคมป์นอนชมเสียงขับกล่อมจากธรรมชาติ และแสงดาวในยามค่ำคืน

จุดท่องเที่ยวหลักๆของอุทยานที่มาถึงแล้วต้อง ไม่พลาดไปเยือน โดยจุดหมายแรกที่อยากแนะนำคือ ซีดาร์ โกรฟ แอเรีย (Cedar Grove Area) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของแม่น้ำกษัตริย์เป็นจุดที่มีภูมิประเทศคล้ายๆกับหุบเขา โยเซมิติ (Yosemite Valley) ต่อมาไม่พลาดไปชมความงดงามของน้ำตกคิงส์แคนยอน (Kings Canyon Waterfalls) อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยว ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนได้เป็นจำนวนมาก โดยช่วงเวลาที่น้ำตกจะสวยที่สุด คือ ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง

สุดท้ายไม่พลาดไปชมความงดงามของ ถ้ำบอยเดน (Boyden Cavern) ถ้ำที่ตั้งอยู่ระหว่างแกรนท์ โกรฟ (Grant Grove) กับ ซีดาร์โกรฟ (Cedar Grove) เป็นถ้ำใต้ดินขนาดยักษ์ที่มีความหลากหลายทางธรณีวิทยา รวมไปถึงกลุ่มหินงอกหินย้อยที่เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวถ้ำ โดยช่วงเวลาท่องเที่ยวนั้น เริ่มต้นขึ้นในวันศุกร์สุดท้ายของเดือนเมษายน ไปจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนของทุกๆ ปี

รูปแบบของการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่แตกต่างจากอดีต

vietnam-tour-packages
มนุษย์เดินทางเพื่อการท่องเที่ยวด้วยความต้องการและเป้าหมายที่แตกต่างกันไป เช่น พักผ่อน ออกกำลังกาย/เล่นกีฬา เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรม ช้อปปิ้ง เป็นต้น ปัจจุบันการจัดการการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เป็นการท่องเที่ยวโดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมและเป็นการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนขึ้นมา เพื่อรองรับกับการท่องเที่ยวที่เจริญเติบโตขึ้น และช่วยบำรุงรักษาสภาพแวดล้อมของแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอีกด้วย การท่องเที่ยวแบบยั่งยืนโดยไม่ทำลายสภาพแวดล้อมมีหลายรูปแบบ การเดินทางท่องเที่ยวในปัจจุบันเกิดขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักคือการการพักผ่อน รองลงมาคือการเดินทางด้วยภาวะจำเป็นเช่นการประกอบธุรกิจด้วยขอบเขตของภาระหน้าที่ร่วมกับการท่องเที่ยวในสถานที่ใกล้เคียงเหล่านั้น ระยะเวลาในการเดินทางท่องเที่ยวของบุคคลเหล่านี้ที่ได้จากข้อมูลการวิจัยพฤติกรรมการท่องเที่ยว จำนวนวันที่ใช้ในการเดินทางท่องเที่ยวเฉลี่ยอยู่ที่ 3 วันขึ้นไป

รูปแบบในการจัดการอตุสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบเดิม คือ จะให้ความสำคัญของวิธีการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จะเป็นทางออกอีกทางหนึ่งในการแก้ปัญหาการท่องเที่ยวซึ่งได้มีการรวบรวมปัญหาต่างๆ และวิธีการแก้ไขความเสื่อมโทรมของแหล่งท่องเที่ยว ปัญหาชุมชนท้องถิ่นที่ไม่ได้รับประโยชน์และไม่มีส่วนร่วมหรือปัญหาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความไม่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นไปตามขั้นตอนและกิจกรรมชนิดต่างๆให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ในครั้งอดีตนั้นการจัดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนี้จัดให้เป็นหลักการและได้นำไปใช้กับกิจกรรมเพื่อการดำเนินกิจการของสถานประกอบการและการจัดการโครงการต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวของกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

รูปแบบต่างๆของการท่องเที่ยวแนวใหม่

1. Atomic Tourism เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่โดยสถานที่ดังกล่าวมักเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของระเบิดนิวเคลียร์ เช่น การเยี่ยมชมพื้นที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซากิ
2. Dark Tourism คือ การท่องเที่ยว ณ บริเวณที่เกี่ยวข้องกับการสังหารหรือพื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งรวมไปถึงปราสาทและสนามรบ
3. Disaster Tourism คือ การท่องเที่ยวบริเวณที่เคยเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ โดยการท่องเที่ยวในรูปแบบดังกล่าวอาจมีการช่วยเหลือผู้ประสบภัยร่วมด้วย
4. Extreme Tourism คือรูปแบบการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นการท่องเที่ยวในสถานที่อันตราย เช่น ภูเขา ป่า ทะเลทราย ถ้ำ หรือเหตุการณ์ที่อันตราย
5. Militarism heritage Tourism เป็นการท่องเที่ยวที่ให้ผู้สนใจได้มีโอกาสได้เยี่ยมชมเขตพื้นที่ทหาร ซึ่งเป็นเขตพื้นที่เฉพาะ
6. Space Tourism เป็นการท่องเที่ยวในสถานีอวกาศรวมถึงการเดินทางโดยยานอวกาศ ซึ่งการเดินทางรูปแบบดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก

เที่ยวเทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ชมฝูงแกะอพยพต่างถิ่นกว่า 1,500 ตัว

57มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท เช่น Micron Technology Inc และ Hewlett-Packard เป็นต้น เมืองใหญ่รองลงมา ได้แก่ Idaho Falls ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Idaho National Laboratory เมือง Nampa เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Northwest Nazarene University เมือง Pocatello เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Idaho State University และเมือง Meridian ซึ่งเป็นเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในไอดาโฮ

เทศกาลแกะ รัฐไอดาโฮ ตื่นตาไปกับฝูงแกะอพยพนับพันตัว พร้อมกิจกรรมมากมายสร้างสีสันในให้นักท่องเที่ยว ตามธรรมชาติของสัตว์นั้น เราจะเห็นได้ว่ามีสัตว์หลายชนิดต้องอพยพหาที่อยู่ใหม่เมื่อเปลี่ยนฤดูกาลเพื่อความอยู่รอดของมัน ซึ่งจากการบินอพยพของนกที่เราคุ้นเคยกันแล้ว รู้หรือไม่ว่ายังมีการอพยพของฝูงแกะด้วยเช่นกัน

เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ฝูงแกะที่ถูกเลี้ยงไว้ที่ปศุสัตว์ในรัฐไอดาโฮจะถูกต้อนให้ไปยังทุ่งหญ้าเขียวขจีทางตอนเหนือของรัฐ ผ่านเส้นทางหลายร้อยกิโลเมตรที่เป็นทั้งที่ราบ ภูเขา และแม่น้ำ และเมื่อมีการอพยพแกะในทุกปีจึงทำให้เกิด Sheep Festival หรือเทศกาลแกะในที่สุด และแน่นอนว่าเทศกาลดังกล่าวนั้นโด่งดังจนทำให้มันเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไอดาโฮ

สำหรับการต้อนฝูงแกะกว่า 1,500 ตัวให้ไปยังจุดหมายที่วางไว้นั้นก็ต้องใช้เวลาหลายวันด้วยกัน ระหว่างนี้จึงมีทั้งขบวนพาเหรด, การแสดงดนตรี, การเต้นรำ และการทำอาหารตามจุดต่าง ๆ โดยจุดซึ่งเป็นที่นิยมได้แก่ Bellevue, Hailey และ Ketchum เพราะเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยถนนหนทาง บ้านเรือน และประชากรมากมาย และแน่นอนว่าพวกเขาต่างยินดีที่ได้เห็นฝูงแกะจำนวนมากวิ่งผ่านหน้าบ้าน เพราะมันเป็นสัญญาณแห่งเทศกาลรื่นเริงนั่นเอง

เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวการเดินทางของฝูงแกะยังคงมีต่อไป โดยพวกมันจะถูกต้อนให้ไปยังอีกที่หนึ่งซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์กว่า และจะได้กลับมายังถิ่นเดิมอีกครั้งเมื่อถึงฤดูร้อน ทั้งนี้การอพยพฝูงแกะในไอดาโฮเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายปี 1860 ซึ่งขณะนั้นมีจำนวนแกะเพียง 14,000 ภายในรัฐ ก่อนที่ต่อมาจำนวนแกะจะมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันซึ่งคาดว่ามีจำนวนแกะกว่า 2.65 ล้านตัว ภายในรัฐ และมันก็ได้กลายเป็นศูนย์กลางจำนวนประชากรแกะที่เยอะที่สุดเป็นอันดับสองรองจากซิดนีย์ในออสเตรเลียเท่านั้น

มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท

12

มลรัฐไอดาโฮถูกตั้งเป็นรัฐที่ 43 ของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1890 ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐ พื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 14 ของประเทศ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขา และเทือกเขาหิน ถูกล้อมด้วยรัฐต่างๆ 6 รัฐได้แก่ รัฐวอชิงตัน รัฐโอเรกอน รัฐเนวาดา รัฐยูทาห์ รัฐมนทานาและรัฐไวยมมิ่ง และมีพื้นที่ทางเหนือบางส่วน ติดกับชายแดนประเทศแคนาดา ที่เมือง British Columbia มีแม่น้ำสำคัญหลายสาย เช่น แม่น้ำ Snake River แม่น้ำ the Clark Fork หรือ Pend Oreille River แม่น้ำ Clearwater River แม่น้ำ Salmon River และแม่น้ำสายเล็กๆ อื่นๆ ไอดาโฮมีพอร์ตทางทะเลตั้งอยู่ที่เมือง Lewiston บริเวณจุดบรรจบของแม่น้ำ Clearwater และ Snake River ซึ่งเป็นพอร์ตทางทะเลที่อยู่ไกลปากอ่าวที่สุด ไกลจากชายทะเลฝั่งตะวันตก ล่องตามแม่น้ำมาประมาณ 465 ไมล์โดยเรือสินค้าจะเดินทางผ่านเข้ามาจากโอเรกอน

มลรัฐไอดาโฮมีเมืองหลวงของรัฐคือเมือง Boise ซึ่งเป็นเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจและเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่หลายบริษัท เช่น Micron Technology Inc และ Hewlett-Packard เป็นต้น เมืองใหญ่รองลงมา ได้แก่ Idaho Falls ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของ Idaho National Laboratory เมือง Nampa เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Northwest Nazarene University เมือง Pocatello เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัย Idaho State University และเมือง Meridian ซึ่งเป็นเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในไอดาโฮ เมืองสำคัญอื่นๆ เช่น เมือง Lewiston ซึ่งเป็นเมืองท่าหลักในการขนส่งสินค้านำเข้าและส่งออกทางทะเล นอกจากนี้ยังมี เมืองท่องเที่ยวสำคัญเช่น Coeur d’Alene เป็น Hub ท่องเที่ยวของไอดาโฮ เมือง Sun Valley เป็นเมืองที่มีการท่องเที่ยวตลอดทั้งปีและมีการแข่งขันสกีระดับโลก เมืองที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นสกีอื่นๆ เช่น Sandpoint ที่บริเวณ Schweitzer Mountain Ski Resort และ Lake Pend Oreille เมือง Kellogg ที่ Silver Mountain Ski Resort เมือง Driggsที่ Grand Targhee เมือง Island Park ซึ่งเป็นแหล่ง snowmobiling และสถานที่จับปลาสำคัญ อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าไฮเทค เป็นอุตสาหกรรมสำคัญเช่นการผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ บริษัทที่สำคัญได้แก่ Hewlett-Packard สินค้าหลักที่ผลิตคือ Laser Printer บริษัท Micron Technology Inc ซึ่งเป็นบริษัทอเมริกันรายเดียวที่ผลิต dynamic random access memory ในอเมริกา และ Sun Microsystems ซึ่งปัจจุบันอยู่ในเครือของ Oracle Corporation มีสองสำนักงานในเมือง Boise และมีคลังสินค้าที่เมือง Pocatello ทำรายได้ให้กับรัฐ มากกว่า 300 ล้านเหรียญในแต่ละปี

ไอดาโฮ เมืองในสหรัฐอเมริกาที่เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว


สหรัฐอเมริกาเป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของโลก และเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียวของโลกในยุคปัจจุบันทั้งในด้านการทหารและเศรษฐกิจซึ่งรวมไปถึงในด้าน วิทยาศาสตร์ การศึกษา การกีฬา และบันเทิง ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามและมีอากาศที่หนาวเย็น จนทำให้บุคคลภายนอกประเทศนิยมไปเที่ยวกัน อีกทั้งยังเป็นประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีต่าง ๆ มากมาย ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นมีมากมาย เราก็จะมายกตัวอย่างสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนนิยมไปกันเช่น
1. น้ำตกไนแองการ่า ประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา
สถานที่ตั้ง บริเวณทะเลสาบทั้ง 5 ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา และ ประเทศแคนาดา
น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม ภาพของน้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า “แคนาเดี่ยนฟอลส์” ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า “อเมริกัน  ฟอลส์”
2. สะพานโกลเดนเกต ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
สถานที่ตั้ง เมืองซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา
สะพานโกลเดนเกต เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ทอดข้ามอ่าวทางตอนเหนือ ของเมืองซานฟรานซิสโก สร้างเป็นแบบโครงแขวน ตัวสะพานแขวนประกอบด้วยหอคอยเหล็กสองข้างข้างละ 215 เมตร ( 746 ฟุต) ใช้ ลวดเคเบิลที่โยงทอดเป็นตัวดึงน้ำหนักสะพานมีขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 36 นิ้ว ข้างละ 2 เส้น รวม 4 เส้น ยาว 107,000 ไมล์ และยังมีเส้นลวดเล็ก ยึดสายโยงอีกรวม 27,572 เส้น มีช่วงกลางระหว่างตอม่อยาว 1.26 กิโลเมตร ส่วนริม 2 ฟาก ยาวข้างละ 34 เมตรสิรวมยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตรทมีส่วนกว้าง 27 เมตรธิเป็นสะพานแบบสะพานแขวนขนาดใหญ่ และยาวมากที่สุดสะพานแรกในยุคนั้น จนเป็นที่น่ามหัศจรรย์ของผู้ผ่านไปมาชัและพบเห็นยิ่งนัก ยและเป็นแบบอย่างในการออกแบบสร้างสะพานแขวนแบบใหญ่และยาวมากขึ้นไปอีกในโอกาสต่อๆมา